กลุ่มธุรกิจที่เติบโต และร่วงโรย ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

sunset and sunshine business

วันนี้จะมาแสดงภาพให้เห็นถึงกลุ่มธุรกิจ ที่รุ่งเรือง และ ร่วงโรย ในช่วง 10 หลังนี้ โดยอ้างอิงข้อมูลจาก listed company ของ S&P 500 ที่เป็นการจัดอันดับกลุ่ม ธุรกิจ 500 อันดับบริษัทหลักที่มีขนาดใหญ่ ของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา

chart แสดง ให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของ 10 อันดับแรก ของ S&P 500

ช่วง 10 ปีหลังบริษัทที่เติบโตขึ้นมาก็มีรายชื่อที่เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก จากแต่เดิมธุรกิจเทคโนโลยีเริ่มต้นจากบริษัทเล็กๆ แต่ว่าในช่วง 10 ปีหลังมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยจะเห็นได้จากรายชื่อของบริษัท Top 10 ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเมื่อปี 2010 บริษัทที่เป็นอันดับ 1 ก็คือเป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับการขุดเจาะเพื่อเสาะหาน้ำมัน แต่ภายใน 10 ปีให้หลัง บริษัทเหล่านั้นไม่มีอยู่ในอันดับ Top 10 อีกต่อไป กลับกลายเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ขึ้นมาครองตำแหน่ง 1-5 อันดับแรกของชาร์จ โดยบริษัทเหล่านี้ใช้เวลาสั้นมากในการเกิดและเติบโต โดยรวมของอายุบริษัท 5 อันดับแรกที่เป็นบริษัทเทคโนโลยีรวมกัน คือ 153 ปี ยังไม่เท่าอันดับที่ 6 คือ Berkshire Hathaway ที่มีอายุถึง 181 ปีเลย 

มองง่ายๆแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆก็จะเห็นได้ว่าบริษัทเทคโนโลยี ก็จะขึ้นมาติดอันดับมากขึ้นเรื่อยๆ ในทางกลับกัน บริษัทที่เปิดมาอย่างยาวนานแม้จะมีอายุเก่าแก่มากหลายชั่วอายุคน ก็กลับมีอันดับที่ตกลงเรื่อยๆ หรืออาจจะหายไปจากตลาดได้

จาก List ที่เห็นเราจะแบ่งกลุ่มธุรกิจเขาเป็นหลักๆได้ 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1) ก็คือกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่ม 2) คือกลุ่มการเงิน เช่น Visa , JPMorgan กลุ่ม 3) ก็คือการค้าหรือกลุ่มที่จับธุรกิจหลายรูปแบบเช่น Walmart , Johnson & Johnson , Berkshire Hathaway

ทุกบริษัท ปรับตัวเรื่อง Digital กันหมดแล้ว

และทั้ง 100% นี้เป็นบริษัท ที่มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้าน ธุรกิจ , technology ถึงแม้ว่าบางบริษัท จะไม่ได้เป็น Tech จ๋าๆ แต่เค้าก็มีการทำ Digital Transformation เพื่อขยับตัวเองอย่างต่อเนื่อง เช่น Johnson & Johnson ที่เหมือนว่าเป็นบริษัทธรรมดา แต่ถ้าลอง research ดูจะพบว่าหลายๆปีที่ผ่านมา มี case ตัวอย่างการทำ digital transformation ของ Johnson ออกมาเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง อย่างที่ได้รวบรวมเอาไว้ของ หลักสูตร MBA ใน Havard Business School ตั้งแต่ปี 2018 ก็แปลว่าเค้าทำอะไรมาก่อนนั้น นานแล้ว ถึงสรุปเนื้อหาออกมาได้หลายอย่าง

Walmart นี่ไม่ต้องพูดเลย ผมเคยอ่าน สิทธิบัตร digital currency ของ Walmart มาแล้ว ถ้าไม่ใช่หัวก้าวหน้าจริงๆ เค้าไม่คิดทำและไปจดสิทธิบัตรแบบนี้แน่นอน แต่จนถึงตอนนี้ห้างค้าปลีกในไทย ก็ยังไม่กล้าทำเลย (ถ้าเอาทั้งหมดมา บางส่วนจะติดขัดเรื่องข้อกฎหมายของไทย แต่ถ้าเอาบางส่วนมา สามารถทำได้ครับ)

โดยจาก Top 10 ที่ list มา ก็น่าจะมี Berkshire Hathaway รายเดียวเท่านั้น ที่เรื่อง Digital Transformation ไม่ชัดเจน เพราะเค้าเป็น Holding company คือเป็นบริษัท ที่เน้นเรื่องการลงทุนในบริษัทอื่นๆ จำนวนมากมายมหาศาล ทำให้ มูลค่าบริษัทมีขนาดใหญ่ แต่ไม่ได้มีสินค้าหรือการทำงานหลักอะไรเป็นของตนเอง ดังนั้นการทำ digital transformation ก็เป็นเรื่องของบริษัทลูกแต่ละบริษัทกันไป

ธุรกิจที่ร่วงโรยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

ความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจใน list S&P 500 ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
https://blog.qad.com/2019/10/sp-500-companies-over-time

อ้างอิงจาก S&P 500 เหมือนเดิม โดยการรวบรวมเอาไว้ของ qad.com เราจะเห็นได้ว่า กลุ่มธุรกิจที่หายไปจาก list เยอะที่สุด ก็คือ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ตามมาติดๆด้วย กลุ่มของพลังงาน กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย จะสะท้อนภาพใหญ่ของเศรษฐกิจโลกได้ จึงมีช่วงที่เติบโตและซบเซาสลับตามการขึ้นลงของเศรษฐกิจ เพราะเป็นสิ่งที่คนจะตัดออกก่อนเป็นเรื่องแรกๆ ส่วนกลุ่มพลังงาน ก็คือ กลุ่มที่ทำการขุดเจาะ เพื่อหาแหล่งพลังงานเช่นเดียวกัน คือเป็นการนำทรัพยากรธรรมชาติที่หายาก ขึ้นมาใช้งาน จึงได้เงินและได้กำไร เมื่อก่อน เราน่าจะเคยได้ยินว่า คนที่ทำงานเครือน้ำมัน และ พลังงาน เงินเดือนดีทุกคน โดยเฉพาะคนที่ออกไปที่แท่นขุดเจาะเนี่ยแหล่ะ คือเงินเดือนดีสุดๆ ทุกวันนี้ ก็ยังมีภาพจำนั้นติดมาอยู่ แต่ถ้าเรามองเห็นจาก chart นี้จะเห็นได้เลย ว่าช่วงนั้นแหล่ะ คือช่วง peak สุดๆแล้ว เพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ธุรกิจเหล่านั้น ซบเซาไปอย่างรวดเร็ว เพราะ technology ก็เข้ามาเปลี่ยนอีกครั้ง เพื่อให้เราใช้พลังงานไฟฟ้ากันมากขึ้น

กลับกัน ในช่วง 5 ปีให้หลัง กลุ่มธุรกิจ ที่เข้ามาโดดเด่น และต่อเนื่อง ก็คือ IT นั่นเอง เรียกได้ว่าครอง champ รัวๆเลย แอบมีแทรกเรื่อง Industrial เข้ามานิดหน่อย ด้วย แต่ทั้งสองกลุ่มก็มีความเกี่ยวข้องกันเช่นเดียวกัน เพราะว่า IT เป็นเครื่องมือที่ใช้ส่งเสริม Industrial เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเครื่องจักรสามารถทำงานได้ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง แตกต่างจากคน ที่ต้องการเวลาพัก ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมาก

แล้วย้อนมาดูตัวเราเอง

ตอนนี้ บริษัทต่างๆ ก็ปรับตัวไปกันมากแล้ว หลายบริษัท ที่เค้าประสบความสำเร็จ เพราะเค้าเลือกที่จะไม่หยุด และเรื่องที่จะใช้ technology เพื่อเข้ามาเสริมการทำงานของ ธุรกิจต่างๆได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเจ้า technology ทั้งหลายนั้น ถ้าเราเลือกใช้งานได้ดีและถูกต้อง ก็จะช่วยลดต้นทุน , เพิ่มการผลิต, เพิ่มยอดขาย, เพิ่มกำไร ไปจนถึงเพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งแปลงร่างธุรกิจไปทำอย่างอื่นเลยก็เป็นได้

แต่ทั้งหมด ก็ขึ้นอยู่กับการเปิดใจยอมรับก่อน ว่าสภาพแวดล้อมนั้นเปลี่ยนแปลงไปตลอดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ คู่แข่ง คู่ค้า ลูกค้า ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา เราไม่ต้องรอถึงวิกฤติรอบใหม่แล้วเราค่อยลุกมาเปลี่ยน เพราะถึงตอนนั้น ทุกอย่างก็อาจจะสายเกินไปแล้วก็ได้ ดังนั้น รู้อะไร ไม่สู้รู้งี้ ตอนนี้ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราแล้ว ว่าเราจะปรับตัวต่อไป หรือจะรอให้สถานการณ์ต่างๆมาบีบให้เราปรับต่อไปเอง

ถ้าใครอยากรู้ว่า การทำ digital transformation มีอะไรบ้าง แนะนำให้อ่านเรื่องพื้นฐาน digital transformation ก่อนเลยนะครับ แต่ใบ้ให้เล็กๆว่า ไม่มีสูตรที่ตายตัวนะครับ ต้องเข้าใจแล้วถึงจะประยุกต์ต่อได้