Digital Transformation ใน Supply Chain จะช่วยลดต้นทุนได้มหาศาล

Digital Transformation ใน Supply Chain

เมื่อมีการซื้อขายสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ตกันมากขึ้น ระบบการขนส่งก็เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก จากประสบการณ์เกือบ 10 ปีที่ผมอยู่ในวงการ eCommerce กล้าพูดได้ว่าต้นทุนในกระบวนการ Supply Chain (การขนส่งก็เป็นหนึ่งในนั้น) นั้นเป็นปัจจัยหลัก ที่กระทบต่อต้นทุนการขายและรายได้เป็นอย่างมาก ผมเคยเป็น Consult ให้บริษัทแห่งหนึ่ง ผมเข้าไปคุ้ยดูแล้วพบตัวเลขที่น่าตกใจก็คือสินค้าที่มีขนาดใหญ่ ยกตัวอย่าง ถังเก็บน้ำดี ขนาด 1000 ลิตร ราคาขายประมาณ 5,000 บาท พบว่าค่าขนส่ง ประมาณ 1,500 บาท เท่านั้นไม่พอ Order นั้นลูกค้ายกเลิก ทำให้มีค่าขนส่งกลับมาที่คลังสินค้าอีก 1,500 บาท รวมเป็น 3,000 บาทที่ต้องจ่าย โดยที่ยังขายไม่ได้เลยสักบาทเดียว แล้วยังไม่นับ พื้นที่จัดเก็บ กระบวนการเคลื่อนย้าย ที่ต้องใช้คนมากขนาดไหน แต่นี่ก็ไม่ใช่ตัวอย่างเดียวที่ผมพบ อย่างที่ผมบอกประสบการณ์เกือบ 10 ปีเป็นตัวที่บอกมาอย่างชัดเจนว่าไม่ว่าจะเป็นเว็บไหนที่ขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ Supply Chain ยังเป็นต้นทุนหลัก และยังคงเป็นปัญหาอยู่ในตอนนี้ ซึ่งก็สามารถยืนยันได้ด้วย บทความของ Sourceing Journal ที่กล่าวไว้ว่าการจัดการ สินค้าคงคลังและการจัดส่งที่ไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลกระทบต่อยอดขายถึง $1000 ล้าน เลยทีเดียว

ความเป็นจริงที่น่าตกใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ กระบวนการ Supply Chain เป็นกระบวนการที่ถูกปรับปรุงน้อยที่สุดในกระบวนการขายสินค้า ผ่านทาง online ผมกล้าพูดได้ว่าจากประสบการณ์ เกือบทุกเว็บ eCommerce ที่เขาทำกันในปัจจุบัน เค้าให้ความสำคัญในการพัฒนาและปรับปรุง หน้าเว็บ, Application, การตลาด, Promotion มากกว่า supply chain แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ปรับปรุงนะ คือก็มีการปรับปรุงเพราะเป็นต้นทุนส่วนใหญ่แต่ว่าให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นที่มากกว่า 

ถ้าเราจะพูดถึง Digital Transformation ใน Supply Chain เราก็ต้องพูดถึงตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ก็คือตั้งแต่สินค้ายังอยู่ในกระบวนการผลิตก่อนที่จะจัดส่งเข้ามาที่คลังสินค้าเพื่อพร้อมสำหรับการขายต่อ หรือที่เราเรียกว่า First mile เพราะว่าถ้ามีกระบวนการที่ติดขัดตั้งแต่ First mile ก็จะส่งผลให้ตลอดทั้งกระบวนการ มีปัญหายาวไปจนถึงลูกค้าซึ่งเป็น Last mile ได้รับผลกระทบตามไปด้วย สิ่งที่จะสามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ก็คือ Supplier Relationship Management (SRM) 

Supplier Relationship Management (SRM) คืออะไร

Supplier Relationship Management (SRM) เครื่องมือทางดิจิตอลที่ช่วยให้สามารถบริหารจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพซัพพลายเออร์ หรือถ้าเข้าใจง่ายๆก็คล้ายกับ CRM (Customer Relationship Management) โดยมุ่งเน้นเพื่อปรับปรุงการทำงานร่วมกันกับ supplier 

SRM เริ่มเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยผลสำรวจจาก Deloitte เมื่อปี 2019กล่าวเอาไว้ว่า ความร่วมมือกับ supplier เพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์กับ supplier อยู่ใน 5 อันดับแรก ของสิ่งที่ต้องทำในปี 2020 

แนวทางการทำ Digitizing ของ Supply chain โดยใช้ SRM เพื่อวัตถุประสงค์ช่วยประหยัดเวลา เงิน และทรัพยากร มีแนวทางดังนี้ 

ปรับปรุงการทำงานร่วมกัน 

ด้วยความที่เป็น Digital จะส่งผลให้การทำงานร่วมกันระหว่างทีมภายในและทีมภายนอกมีความคล่องตัวมากขึ้น ถ้าทุกวันนี้ยังคงทำงานผ่าน Email , spreadsheet ทีละเรื่อง ทีละอย่าง, ปากกา กระดาษ, ข้อมูลที่สำคัญยังคงแยกอยู่ในแต่ละทีมที่ทำงาน และมีปัญหาในการสื่อสารกันระหว่างทีมงานที่เกี่ยวข้อง บอกได้เลยว่าแบบนี้เป็นการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก ระบบ Digital คนเข้ามาเป็นตัวประสาน ให้ทุกปาร์ตี้เห็นข้อมูลเดียวกัน ตั้งแต่ Stake Holder ทั้งภายในทีมและภายนอกทีมในแบบ real time รวมถึงใช้งานร่วมกันเพียงแค่แพลตฟอร์มเดียว ถ้าเป็นแบบนี้ได้ก็จะมีกระบวนการทำงานและตัดสินใจที่รวดเร็วมากขึ้น 

เพิ่มความโปร่งใส 

SRM จะช่วยให้เพิ่มความโปร่งใสตลอดทั้งกระบวนการ รองรับการตรวจสอบตั้งแต่ระดับ Supplier, ช่วยให้เข้าใจสถานการณ์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปมาได้ในแต่ละช่วง, บอกให้เตรียมพร้อมสำหรับบางสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ รวมไปถึงยังมีการ โต้ตอบกันแดด real time อีกด้วย 

แม้ว่าบริษัทส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับกระบวนการปรับปรุง Last mile ที่ช่วยให้การจัดส่งสินค้าถึงมือลูกค้าได้ด้วยความรวดเร็วมากกว่า แต่แท้จริงแล้ว First mile เป็นสิ่งที่สำคัญกว่ามาก การทำให้กระบวนการมีความโปร่งใส และข้อมูลต่างๆสามารถกระจายได้ถึงทุกคนอย่างถูกต้องและรวดเร็ว จะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้มากกว่า 

การพยากรณ์ความต้องการด้วยระบบอัตโนมัติ 

เชื่อเถอะว่า Digital supply chain management จะช่วยให้ชีวิตพนักงานทำงานได้ง่ายขึ้นบ้าน เพราะระบบอัตโนมัติต่างๆที่จะช่วยทำงานซ้ำๆ ที่ไม่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพ ซึ่งก็จะทำให้ลดค่าใช้จ่าย และทำให้พนักงานรู้สึกดีขึ้นในการทำงาน เพราะเขาจะได้ใช้ความสามารถไปกับสิ่งที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ แทนที่จะให้คนต้องมานั่งถกเถียงกันเรื่อง Spreadsheet ของใครที่ใหม่กว่ากันหรือถูกต้องกว่ากัน เราก็ทำให้มันมีแค่เพียงอันเดียวอยู่ในระบบเดียวเท่านั้นก็พอ และสิ่งนี้ก็ยังนำมาใช้ในการพยากรณ์ความต้องการสั่งซื้อของสินค้าแต่ละประเภท และในเมื่อข้อมูลที่ถูกต้องมีเพียงแค่ชุดเดียว ก็จะทำให้การพยากรณ์นั้นถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น ส่วนเวลาของทีมงานก็จะได้ใช้ไปกับการปรับปรุงกิจกรรมอื่นๆที่จะช่วยสร้างให้ลูกค้ามีความพึงพอใจที่มากขึ้น 

Scalable และทำซ้ำๆได้ 

SRM สามารถรองรับการ Scale เมื่อวันที่กิจการขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ เพราะด้วยความที่เป็นดิจิตอล ก็สามารถขยายตัวได้โดยไม่มีข้อจำกัดหรือมีข้อจำกัดก็น้อยมาก พระองค์ความรู้และข้อมูลต่างๆก็อยู่ในระบบทั้งหมด ไม่ได้ติดอยู่ที่คน ถ้ามีกระบวนการทำงานอย่างถูกต้องและชัดเจนในระบบแล้ว ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่กระบวนการทำงานก็ยังคงถูกต้องอยู่เสมอ 

ทิ้งท้ายเอาไว้ว่ากระบวนการ Digital Transformation ใน Supply Chain สามารถช่วยให้เหนือกว่าคู่แข่งได้ อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นสูงกว่ามากและรองรับการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ที่สำคัญที่สุดสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มหาศาล