อุปสรรคของ Digital Transformation คือความลังเล

อุปสรรคของ digital transformation มีหลายอย่าง แต่ก็เชื่อได้ว่าในภาวะวิกฤตการแพร่ระบาดในครั้งนี้หลายบริษัทก็เริ่มปรับตัวทำ Digital transformation เพื่อให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำรวมไปถึงแก้ไขปัญหาทำให้ธุรกิจอยู่รอด โดย ธุรกิจสามารถนำเทคโนโลยีต่างๆ เช่น Blockchain AI และ IoT เข้ามาช่วยสร้างประสบการณ์ของลูกค้า หรือเพิ่มประสิทธิผลของการทำงานในด้านต่างๆของธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง แต่รู้มั้ย ว่าปัญหาหลักๆ คือเรื่องอะไร ที่ทำให้โครงการล่าช้าหรือติดขัด และ จะแก้ไขได้อย่างไร

ความแข็งแรงของวัฒนธรรมองค์กรสามารถผลักดัน Digital transformation ได้อย่างไร

หลายบริษัทที่เริ่มคิดจะทำ Digital Transformation กับพบว่าไปติดอยู่ในช่วงของการจะทำให้ภาพที่เคยคิดไว้ออกมาเป็นความจริงได้ บริษัทที่ให้คำปรึกษาหลายบริษัทก็มักจะพบปัญหาเดียวกันก็คือการเลื่อนเป้าหมายของการทำ Digital transformation ออกไปเพราะว่ามีข้อจำกัดที่จะเกิดขึ้นอีกมากมายหากจะต้องทำจริงๆ 

มีรายงานมาจาก NTT Limited ออกมาบอกว่า อุปสรรคของ digital transformation จากการที่เดินหน้าทำ Digital transformation ไม่ได้สักที เนื่องมาจาก ความลังเล นั่นเอง

  • 50% ของบริษัทในอังกฤษ พบว่าการทำ digital transformation มีความล่าช้า หรือเลื่อนไปมาเป็นปกติ และพวกเค้าเอง ก็มีอุปสรรคในการทำ digital transformation มาก ไม่น้อยกว่าทีม IT เลย
  • IT ทีมใช้เวลา 26% ในการจัดเตรียมเรื่องพื้นฐานต่างๆเพื่อที่จะทำ Digital transformation ซึ่งเรื่องพวกนี้ก็ใช้งบสูงถึง 2ล้านปอนด์ต่อปีโดยเฉลี่ย
  • บริษัทต่างๆในอังกฤษยืนยันว่าพวกเขาน่าจะใช้เวลา 9 เดือนในการทำโครงการ Digital transformation ถ้าพวกเค้าไม่ได้มี cloud infrastructure เพื่อเชื่อมต่อเรื่องต่างๆได้อย่างง่ายๆ และรวดเร็ว
  • 94% ของบริษัทในอังกฤษยืนยันว่ามีการทำ Digital Transformation ให้ผลที่ดีมาก ในการทดลองเรื่องต่างๆ บนสภาพแวดล้อมที่เหมือนหน้างานจริง เช่น แนวทางการทำธุรกิจแบบใหม่, ทดสอบเสมือนจริงในบางกิจกรรม ที่ไปทำบน cloud เพราะ ไม่ต้องมีขั้นตอนต่างๆ ที่ยุ่งยาก หรือทำอะไรมากมายหลายทีมเหมือนอย่างเคย

ความลังเลมีเยอะมาก แต่เราก็ไม่ควรจะเสียเวลาไปกับมันดังนั้น ก็ต้องตัดสินใจเลย ถึงแม้ว่ามันจะมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนในการที่จะสร้าง Digital transformation ให้กับบริษัท IT ทีมเองก็ไม่ได้มีความสามารถที่จะผลักดัน ในเรื่องที่เสนอไปแล้วถูกปัดตกได้อย่างต่อเนื่อง เพราะมันก็ใช้เวลาและทรัพยากรในการที่จะสร้างนวัตกรรมสิ่งใหม่ๆหรือความคิดเรื่องใหม่ๆขึ้นมา แต่การทดสอบในโครงการเล็กมาก่อน ด้วยสภาพแวดล้อมที่เหมือนจริง ก็อาจจะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนของเครื่องนี้ได้ หลายบริษัทไม่สามารถทำให้เกิดการทดสอบในโครงการเล็กๆนี้ได้ ในเฉพาะสภาพแวดล้อมที่เหมือนจริง นี่จะเป็นข้อจำกัดหนึ่งในการจะทำให้เห็นว่า Digital transformation จะมีผลกระทบต่อธุรกิจจริงๆอย่างไรบ้าง แต่กลับตัดสินใจให้ยกเลิกโครงการไปก่อน 

ดิจิตอลทรานฟอร์เมชั่นคือเรื่องที่เกี่ยวกับคนมากกว่าเทคโนโลยี 

เรื่องนี้เราเคยเขียนบทความเอาไว้ก่อนแล้วอ่านได้ เริ่มต้นทำ Digital Transformation ต้องเริ่มที่คน และในตอนนี้เราก็ควรจะเลิกที่จะลังเลได้แล้วและการที่จะเริ่มทำ Digital transformation ก็ควรเริ่มต้นที่คนให้ความสำคัญกับความคิด และจัดให้มีการทดสอบเล็กๆที่มีสภาพแวดล้อมเหมือนกันทำงานจริงที่หน้างาน มันจะช่วยทำให้ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจเห็นภาพที่ชัดขึ้น รวมไปถึงคนที่ทำงานในส่วนนี้ก็จะเห็นจุดอ่อนจุดแข็งอย่างชัดเจน ว่านวัตกรรมที่กำลังสร้างขึ้นมามันควรจะต้องเป็นแนวทางไหน และสิ่งนี้แหละที่จะช่วยผลักดันการทำ Digital Transformation ได้ในท้ายที่สุด