การมาถึงของเครือข่าย 5G กับการสร้าง นวัตกรรม นั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ เพราะเป็นส่วนที่สนับสนุนให้เกิดการสร้างนวัตกรรมใหม่ได้จริง
การพัฒนาโลกในด้านดิจิตอล ต่างก็ต้องอาศัยการให้บริการขั้นพื้นฐาน หรือที่เราเรียกว่า infrastructure เปรียบได้เหมือนกับว่า ถ้าเราต้องการ ขนส่งสินค้าจากจังหวัดหนึ่งไปอีกจังหวัดหนึ่ง เราก็ต้องมีถนนเรียบ และรถขนส่งก็สามารถทำความเร็วได้สูง เพื่อให้สินค้าไปส่งได้ด้วยความปลอดภัยและใช้เวลาสั้น นั่นหมายความว่า จะสามารถทำรอบการขนส่งได้มากขึ้น หรือหมายความว่ามีต้นทุนการขนส่งที่ถูกลง ในโลกของอินเทอร์เน็ต ก็มีทั้งการเชื่อมต่อแบบมีสายและแบบไร้สาย ปัจจุบันการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบมีสาย ก็ไปเน้นกันที่เรื่องของความเร็ว เราจะเห็นว่าปัจจุบันมีอินเทอร์เน็ตแพคเกจ 1000 Mbps ขายกันแล้ว ส่วนในฝั่งของอินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย ก็จะมีข้อดีในการเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้บริการเข้ากับผู้ให้บริการหรือเจ้าของกิจการ ได้ตลอดเวลา และทุกที่ อีกทั้งเป็นการเพิ่มความสะดวก ในยุคอนาคตอีกด้วย
วันนี้ก็เลยจะพาทุกคนมาทำความรู้จักเครือข่ายมาตรฐานใหม่ 5G ว่ามีประโยชน์อย่างไรและจะมีข้อดีต่อธุรกิจหรือชีวิตประจำวันของเราอย่างไรบ้าง
ประวัติของเครือข่ายไร้สายในแต่ละ Generation
Generation แรก – 1G
เริ่มต้นประมาณปี 1980 ส่งคลื่นเสียงแบบ Analog เท่านั้น
Generation ที่ 2 – 2G
เริ่มต้นประมาณตอนต้นของปี 1990 เริ่มมีการเปลี่ยนระบบเสียงเป็นแบบ Digital และเริ่มมี GPRS Edge Internet ที่ความเร็วต่ำมาก อีกทั้งไม่เสถียรด้วย
Generation ที่ 3 – 3G
เริ่มต้นประมาณปี 2000 เน้นการพัฒนาในด้านการรับส่งข้อมูลเป็นหลัก ทำให้การเชื่อมต่อเพื่อใช้งานข้อมูลรวดเร็วมากขึ้น
Generation ที่ 4 – 4G
เริ่มต้นที่ประมาณปี 2010 เน้นเรื่องการพัฒนาความเร็วในการรับส่งข้อมูลและความเสถียรรวมไปถึง สามารถรวมความเร็วเข้ากับระบบ WiFi ได้ ซึ่งปัจจุบันคนส่วนใหญ่ได้ใช้งานในระบบ 4G นี้อยู่
เจนเนอเรชั่นที่ 5 – 5G
เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุค 5G ในอีกไม่นานนี้ สายเครือข่ายผู้ให้บริการเริ่มมีเสาสัญญาณเพื่อใช้ในการทดสอบและเริ่มขยายโครงข่ายออกไปเรื่อยๆแล้ว ช่วงที่ผ่านมาน่าจะเคยได้ยินปัญหาผู้ให้บริการโครงข่ายหยุดให้บริการชั่วคราว เหมือนเครือข่ายล่ม แต่จริงๆแล้วเกิดจากความผิดพลาดในการอัพเกรดให้เป็น 5G ในบางพื้นที่ จึงทำให้พื้นที่นั้นไม่สามารถใช้โทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตได้เป็นการชั่วคราว
โดยเป้าหมายหลักของ 5G ก็คือการขยายขีดความสามารถและการเชื่อมต่อเข้าเป็นหนึ่งเดียวในแบบไร้สาย เพื่อสร้างให้เกิดโครงข่ายให้บริการในระดับพื้นฐานที่นำไปต่อยอดพัฒนาออกมาเป็นบริการใหม่ๆได้ในอนาคต อย่างที่ยกตัวอย่างไปข้างต้น ก็เหมือนการสร้างถนนที่ทำให้รถวิ่งได้เร็วและเรียบมาก ลดการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มความเร็วในการขนส่งให้มากขึ้น ทีนี้เราจะขนส่งสินค้าอะไร หรือจะมาประยุกต์ใช้เป็นการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบก็ไม่มีปัญหาแล้ว เพราะถนนถูกสร้างขึ้นมาอย่างดีมาก
สิ่งที่เขาให้ความสำคัญในตอนที่สร้าง 5G ขึ้นมาก็คือความเร็วในการเชื่อมต่อ, ลดเวลาหน่วงในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทั้งขาไปขากลับ เพื่อรองรับการใช้บริการในหลากหลายรูปแบบไล่ตั้งแต่ การใช้บริการในรูปแบบที่ไม่ต้องใช้ข้อมูลเยอะแต่เน้นความแม่นยำ คือการควบคุมระยะไกล เช่น การขับรถผ่านสัญญาณอินเตอร์เน็ตของโทรศัพท์มือถือ ไปจนถึงการใช้ข้อมูลเยอะอย่างเช่นกัน streaming เพลงหรือภาพยนตร์
ข้อดีของ 5G
International Telecommunication Union (ITU) ซึ่งเป็นหน่วยงาน กำกับมาตรฐานทาง Technical ของ UN ได้ร่วมกันสร้างมาตรฐานที่เป็นข้อกำหนดขั้นต่ำทั้งหมด 13 ประการเอาไว้สำหรับเครือข่าย 5G ผมจะยกส่วนที่เกี่ยวข้องกับการใช้ของคนทั่วไปมาเพียงบางข้อ สาเหตุเพราะว่าที่เหลือเป็นเรื่องของทาง Technical ที่คนทั่วไปไม่จำเป็นต้องรู้และเข้าใจก็ได้จะงงเปล่าๆ ดังนี้
- Downlink data peak 20Gbit/s , Uplink data peak 10Gbit/s นี่คือค่าสูงสุดที่เป็นไปได้ ไม่ได้หมายความว่าเป็นขั้นต่ำ และนี่เป็นความเร็วสูงสุดที่ทำงานได้ในการรับส่งข้อมูลทุกอย่าง ปัจจัยหลักขึ้นอยู่กลับคลื่นความถี่ที่เราใช้งาน
- Downlink user experience data rate 100Mbit/s , Uplink user experience data rate is 50 Mbit/s นี่จะเป็นความเร็ว ที่ Application ต่างๆในเครื่องเราสามารถใช้งานได้
- Latency อยู่ที่ 1-4 ms
- ความหนาแน่นของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ 1 ล้านอุปกรณ์ ต่อ 1 ตารางกิโลเมตร
- ใช้พลังงานต่ำเมื่อไม่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล
- ความเสถียรตกลงไม่มาก เมื่อ ใช้บนพาหนะเคลื่อนที่ความเร็วสูง โดยรองรับความเร็วสูงสุดได้ที่ 500 km/h เลย ก็ยังคงใช้งานได้
- มี interrupt time หรือช่วงเวลาที่ขาดการเชื่อมต่ออยู่ที่ 0 ms
จะเห็นได้ว่านี่เป็นการเชื่อมต่อที่ดีมากๆ ดีกว่าอินเตอร์เน็ตบ้านแบบมีสาย หลายเท่าตัวเลยทีเดียว ที่สำคัญมันเป็นไร้สาย แต่สุดท้ายประสิทธิภาพการใช้งานก็จะไปขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการเครือข่ายหรือการติดตั้งเสาสัญญาณ และอุปกรณ์ที่ใช้งานเป็นหลัก ดังนั้นเวลาที่เราใช้งานจริงอาจจะใช้งานได้ไม่เต็มเท่านี้ แต่นี่ก็ถือว่าดีมากแล้ว
เราสามารถประยุกต์ใช้งานอะไรได้บ้าง
แน่นอนว่ากลุ่มที่จะได้ประโยชน์ที่สุดก็คือการสร้างนวัตกรรม การเชื่อมต่อแบบ IoT เพราะต้องอาศัยการเชื่อมต่อแบบไร้สายเป็นพื้นฐานการพัฒนา, การสร้างนวัตกรรมแบบควบคุมระยะไกลไร้สาย, การสร้างนวัตกรรมที่ต้องการการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ด้วยความไม่สะดวกของพื้นที่ หรืออื่นๆ, การสร้างนวัตกรรมที่ต้องอาศัยการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วยความรวดเร็วแบบไร้สาย รวมไปถึง การสร้างนวัตกรรมที่ต้องการการเชื่อมต่อกันตลอดเวลา (real time) ในแบบเคลื่อนที่ไปด้วย
สิ่งที่จะมาพร้อมกับ 5G
เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า 5G กับการสร้าง นวัตกรรม นั้นมีความสันพันธ์กัน เพราะทำให้มีการเชื่อมต่อที่รวดเร็วขึ้น รองรับการเชื่อมต่อด้วยข้อมูลปริมาณที่มากขึ้น แต่ราคาที่จ่ายต่ำลง ดังนั้นเราอาจจะไม่ต้องเป็นกังวลในการสร้างนวัตกรรมที่จำเป็นต้องใช้การรับส่งข้อมูลจำนวนมาก เพราะโลกอนาคตเป็นโลกของข้อมูล การเริ่มต้นเก็บข้อมูลต่างๆจากอุปกรณ์วัดต่างๆแบบไร้สายเพื่อเป็นข้อมูลในการหา insight ในอนาคตก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ควรจะเริ่มคิดและทำได้ตั้งแต่ตอนนี้
ผมได้คุยกับหลายคนถึงแนวความคิดว่า เมื่อก่อนใครที่ขุดบ่อน้ำมันได้ปัจจุบันเขาก็เป็นเศรษฐี แต่อนาคตใครที่มีข้อมูลและสามารถสกัดข้อมูลเหล่านั้นออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับธุรกิจได้ เขาจะเป็นเศรษฐีในอนาคต ถ้าจะไม่พูดถึงอนาคตก็ยกให้ Facebook, Google เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด จากการที่มีข้อมูลการใช้งานเป็นจำนวนมหาศาลจากคนทั่วโลก ก็ทำให้เป็นบริษัทชั้นนำของโลกได้ในเวลาเพียงไม่กี่ปี
ผมยังคงย้ำอยู่คำเดิมเรื่อยๆว่า Digital transformation มันไม่ใช่เพียงแค่การนำเครื่องมือมาใช้ แต่มันประกอบมาจากแนวทางการประยุกต์ใช้ในหลายเรื่อง รวมไปถึงการปรับการทำงาน ยาวไปถึงวัฒนธรรมขององค์กร ดังนั้นบริษัทไหนที่ใช้ 5G ก่อนก็ไม่ได้แปลว่าจะได้เปรียบบริษัทอื่น เพราะ 5G ก็เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในการประกอบการทำ Digital transformation เท่านั้น
เชี่ยวชาญเรื่อง eCommerce และ Digital Transformation เพราะมีประสบการณ์กว่า 10 ปี และยังเป็น Full Stack Developer รวมถึงประสบการณ์ด้าน Big Data Ecosystem , Blockchain Ecosystem ถามได้ปรึกษาได้ เป็นกันเอง และ จริงใจ 🙂